- Facebook Pixel ความต่างแอนดรอยด์ กับ iOS เทียบทุกด้านก่อนซื้อมือถือเครื่องใหม่ปี 2025 – sabaipao.com
Skip to content

ผ่อนง่าย อนุมัติไว สบายกระเป๋า ใช้บัตรประชาขนใบเดียว

ผ่อนง่าย อนุมัติไว สบายกระเป๋า ใช้บัตรประชาขนใบเดียว

ผ่อนง่าย อนุมัติไว สบายกระเป๋า ใช้บัตรประชาขนใบเดียว

ผ่อนง่าย อนุมัติไว สบายกระเป๋า ใช้บัตรประชาขนใบเดียว

ผ่อนง่าย อนุมัติไว สบายกระเป๋า ใช้บัตรประชาขนใบเดียว

ผ่อนง่าย อนุมัติไว สบายกระเป๋า ใช้บัตรประชาขนใบเดียว

ผ่อนง่าย อนุมัติไว สบายกระเป๋า ใช้บัตรประชาขนใบเดียว

ผ่อนง่าย อนุมัติไว สบายกระเป๋า ใช้บัตรประชาขนใบเดียว

ผ่อนง่าย อนุมัติไว สบายกระเป๋า ใช้บัตรประชาขนใบเดียว

ผ่อนง่าย อนุมัติไว สบายกระเป๋า ใช้บัตรประชาขนใบเดียว

ผ่อนง่าย อนุมัติไว สบายกระเป๋า ใช้บัตรประชาขนใบเดียว

ผ่อนง่าย อนุมัติไว สบายกระเป๋า ใช้บัตรประชาขนใบเดียว

News

ความต่าง แอนดรอยด์ กับ iOS เทียบทุกด้านก่อนซื้อมือถือเครื่องใหม่ปี 2025

by Ahead Shopify 29 Apr 2025

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

  1. ระบบปฏิบัติการและประสบการณ์ผู้ใช้ ระบบแอนดรอยด์ vs ระบบ iOS

  2. ประสิทธิภาพและฮาร์ดแวร์ ในสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ vs iPhone

  3. แอปพลิเคชันและบริการของ ระบบแอนดรอยด์ vs ระบบ iOS

  4. ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว iOS เหนือกว่า แอนดรอยด์จริงหรือ?

  5. ราคาและความคุ้มค่าของสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ vs iPhone

  6. สรุประหว่างระบบแอนดรอยด์ กับ iOS แบบไหนเหมาะกับเรามากกว่ากัน 

แอนดรอยด์

แอนดรอยด์ กับ iOS แตกต่างกันอย่างไร? เปรียบเทียบทุกด้านก่อนเลือกมือถือเครื่องใหม่ปี 2025

ก่อนทำการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ในปี 2025 ควรทำการพิจารณาจากหลากหลายปัจจัย โดยเฉพาะ "ระบบปฏิบัติการ" เพราะว่าเป็นสิ่งที่มีผลต่อประสบการณ์การใช้งานเป็นอย่างมาก ซึ่งในปัจจุบันนั้นก็มีสองระบบหลักที่ครองตลาด นั่นก็คือ แอนดรอยด์ และ iOS ที่ทั้งสองนั้นมีจุดเด่น จุดด้อย และลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนั้น ถ้าหากใครกำลังตัดสินใจเลือกสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ ควรพิจารณาถึงระบบปฏิบัติการที่เหมาะกับสไตล์การใช้งานของตัวเองมากที่สุด และในบทความนี้ทาง “สบายเป๋า” ก็จะพาทุกคนมาดูกันถึงความแตกต่างกันระหว่างแอนดรอยด์ และ iOS ในทุกแง่มุม เพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถตัดสินใจเลือกสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์ได้มากที่สุด โดยจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้างนั้นสามารถติดตามกันได้เลย!

1. ระบบปฏิบัติการและประสบการณ์ผู้ใช้ ระบบแอนดรอยด์ vs ระบบ iOS

ระบบปฏิบัติการ (OS) เป็นหัวใจหลักของสมาร์ทโฟนที่ช่วยทำให้สามารถทำงาน และโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย แอนดรอยด์ เป็นระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สที่พัฒนาโดย Google และใช้งานกับสมาร์ทโฟนหลากหลายแบรนด์ เช่น Samsung, Xiaomi, OPPO และอื่นๆ ซึ่งจุดเด่นของแอนดรอยด์ คือ ความยืดหยุ่นสูง ที่สามารถปรับแต่ง UI ได้ตามต้องการ และรองรับแอปพลิเคชันจากแหล่งต่างๆ ไม่จำกัดเพียงแค่ Google Play Store เท่านั้น

สำหรับ iOS เป็นระบบที่พัฒนาโดย Apple และใช้งานได้เฉพาะบน iPhone เท่านั้น โดยมีจุดเด่นที่สำคัญ คือ ความเสถียร ความปลอดภัยสูง และการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่รวดเร็ว และสม่ำเสมอ ทำให้ผู้ที่ใช้งาน iOS ได้รับประสบการณ์ในการใช้งานที่ดี ราบรื่น และเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน เพราะว่าระบบออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ Apple ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1.1 อินเทอร์เฟซและการปรับแต่ง Android อิสระ vs. iOS เรียบง่าย

สำหรับแอนดรอยด์ เป็นระบบที่ช่วยมอบอิสระในการปรับแต่งให้ผู้ใช้ได้อย่างดี เพราะว่าสามารถเปลี่ยนธีม ไอคอน วอลเปเปอร์ และวิดเจ็ตได้ตามใจชอบ นอกจากนี้บางแบรนด์ยังสามารถพัฒนา UI ของตัวเองได้ ทำให้แต่ละเครื่องมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และสามารถติดตั้ง Launcher หรือแอปพลิเคชันปรับแต่งเพิ่มเติม เพื่อเปลี่ยนแปลงให้ตอบโจทย์การใช้งานของตัวเองได้อย่างเต็มที่

สำหรับ iOS เป็นระบบที่เน้นความเรียบง่าย แต่ยังคงความสวยงาม และทันสมัย โดยอินเทอร์เฟซของ iPhone นั้นสามารถใช้งานได้ง่าย และมีความเสถียรที่สม่ำเสมอ ซึ่งทุกแอปพลิเคชันได้มีการออกแบบให้เข้ากับระบบอย่างลงตัว ถึงแม้ว่า iOS เวอร์ชันใหม่ๆ จะอนุญาตให้ผู้ใช้เพิ่มวิดเจ็ต และเปลี่ยนไอคอนได้บ้าง แต่ก็ยังมีข้อจำกัดเมื่อเทียบกับ แอนดรอยด์

1.2 ระบบนิเวศและการเชื่อมต่อ Apple Ecosystem vs. Google Services

สำหรับ Google Services เป็นจุดแข็งของแอนดรอยด์ โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ Gmail, Google Drive, Google Photos, Google Assistant และ YouTube ซึ่งเชื่อมต่อได้กับอุปกรณ์ทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าคุณจะใช้ Windows, Mac หรือแม้แต่ iOS ก็ยังเข้าถึงบริการเหล่านี้ได้ อีกทั้งแอนดรอยด์ ยังรองรับอุปกรณ์จากหลายผู้ผลิต เช่น สมาร์ทวอทช์ หูฟัง หรือ Smart Home ที่ใช้มาตรฐานการเชื่อมต่อที่หลากหลาย

สำหรับ Apple Ecosystem เป็นหนึ่งในจุดขายสำคัญของ iOS ถ้าหากผู้ใช้งานนั้นใช้ผลิตภัณฑ์ของ Apple หลายอย่าง เช่น Mac, iPad, Apple Watch และ AirPods ก็จะได้รับประสบการณ์ในการใช้งานที่ดีเยี่ยม เพราะว่าอุปกรณ์ทุกชิ้นสามารถเชื่อมโยงกันได้ ทำให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น เช่น AirDrop สำหรับส่งไฟล์ระหว่างฟีเจอร์ Handoff ที่ให้ทำงานข้ามเครื่องได้ และ iCloud ที่ซิงค์ข้อมูลอัตโนมัติ และระบบนี้ก็ได้ออกแบบมาให้ทุกอุปกรณ์ทำงานร่วมกันได้โดยไม่มีสะดุด

แอนดรอยด์

2. ประสิทธิภาพ และฮาร์ดแวร์ ในสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ vs iPhone

เมื่อพูดถึงประสิทธิภาพ และฮาร์ดแวร์ในสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ และ iPhone นั้นทั้ง 2 ระบบปฏิบัติการก็มีแนวทางที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดย iPhone จะใช้ฮาร์ดแวร์ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับระบบ iOS ทำให้การทำงานราบรื่น และเสถียร และแอนดรอยด์ ก็จะมีให้เลือกหลากหลายรุ่นจากหลากหลายแบรนด์ ทำให้ผู้ใช้งานมีตัวเลือกมากขึ้น แต่ประสิทธิภาพอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสเปกของแต่ละรุ่น

ดังนั้น iPhone จึงมีข้อได้เปรียบด้านการผสานฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์อย่างลงตัว ด้วยการใช้ชิปประมวลผล A-series ของ Apple ที่พัฒนาเองโดยเฉพาะ ทำให้การทำงานลื่นไหล และอายุการใช้งานยาวนาน ในขณะที่ Android มีตัวเลือกชิปหลายประเภท เช่น Snapdragon, Exynos และ MediaTek ซึ่งแต่ละรุ่นมีระดับพลังงาน และสมรรถนะที่แตกต่างกัน

2.1 ชิปประมวลผล A-series vs. Snapdragon/Exynos

สำหรับชิปประมวลผล A-series ของ Apple เป็นชิปที่ออกแบบโดย Apple และใช้เฉพาะกับ iPhone โดยจุดเด่น คือ มีประสิทธิภาพสูง ประหยัดพลังงาน และเข้ากันได้กับซอฟต์แวร์อย่างสมบูรณ์ ทำให้ iPhone สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว และรองรับการอัปเดต iOS ได้นานหลายปี

สำหรับชิปประมวลผล Snapdragon และ Exynos เป็นชิปที่นิยมใช้ใน Android โดย Snapdragon (จาก Qualcomm) เป็นที่ยอมรับด้านประสิทธิภาพสูง และรองรับการเล่นเกมได้อย่างดีเยี่ยม และ Exynos (จาก Samsung) มีการพัฒนาให้ใกล้เคียง Snapdragon แต่บางรุ่นอาจมีประสิทธิภาพที่ต่ำกว่ารุ่น Snapdragon ที่เทียบเท่ากัน

ดังนั้น ถ้าหากต้องการสมาร์ทโฟนที่มีความเร็ว และใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในระยะยาว การเลือกใช้ชิป A-series ของ Apple ก็จะเหมาะกว่า แต่ถ้าหากต้องการสมาร์ทโฟนที่มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน และมีตัวเลือกที่หลากหลาย การเลือกใช้ชิป Snapdragon หรือ Exynos ก็จะตอบโจทย์มากกว่า

2.2 ระบบกล้อง และคุณภาพของรูปภาพ และวิดีโอ 

สำหรับระบบกล้องของ iPhone และ Android นั้นจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน โดย iPhone จะเน้นที่ความเรียบง่าย ความคมชัด และความสมดุลของภาพ ซึ่งกล้องของ Apple นั้นมีการประมวลผลภาพที่ดี ระบบ HDR และการจัดการสีที่แม่นยำ ทำให้ได้ภาพที่มีคุณภาพสูงโดยไม่ต้องปรับแต่งมาก

สำหรับระบบกล้องของแอนดรอยด์นั้นก็จะมีความหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนระดับเรือธงอย่าง Samsung Galaxy, Google Pixel และ Xiaomi ที่มักใช้เซ็นเซอร์กล้องขนาดใหญ่ พร้อม AI ที่ช่วยปรับแต่งภาพอัตโนมัติ ทำให้ได้ภาพที่คมชัด มีลูกเล่นเยอะกว่า และสามารถปรับแต่งได้หลากหลายมากกว่า

แอนดรอยด์

3. แอปพลิเคชัน และบริการของระบบแอนดรอยด์ vs ระบบ iOS

สำหรับการเลือกสมาร์ทโฟนไม่ใช่แค่เรื่องของระบบปฏิบัติการ ชิปประมวลผล หรือระบบกล้องเท่านั้น แต่แอปพลิเคชัน และการบริการ ก็ถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญเช่นกัน โดยแอนดรอยด์ และ iOS ก็มีแนวทางที่แตกต่างกันทั้งในด้านร้านค้าแอปพลิเคชัน บริการคลาวด์ และการจัดเก็บข้อมูล

โดย iOS มี App Store ที่เข้มงวดด้านคุณภาพของแอปพลิเคชันต่างๆ ทำให้แอปมีความปลอดภัยสูง และได้รับการปรับแต่งให้เข้ากับ iPhone อย่างดี ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างราบรื่น ไม่มีสะดุด และมีความปลอดภัย ในขณะที่แอนดรอยด์นั้นใช้ Google Play Store ที่เปิดกว้างกว่า ทำให้มีแอปพลิเคชันหลากหลายประเภท ซึ่งส่งผลให้ผู้ใช้งานอาจจะต้องระวังเรื่องความปลอดภัยของแอปจากนักพัฒนาภายนอก

3.1 App Store vs. Google Play Store ความหลากหลายและคุณภาพของแอปพลิเคชัน 

สำหรับ App Store ของ Apple นั้นมีการควบคุมคุณภาพแอปพลิเคชันที่เข้มงวด ทำให้ผู้ใช้งานสามารถมั่นใจได้ว่าแอปพลิเคชันมีความปลอดภัย ไม่มีมัลแวร์ และทำงานได้ดีบน iPhone แต่ว่าก็ยังมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น นักพัฒนาแอปต้องผ่านการอนุมัติที่เข้มงวด หรือแอปบางตัวอาจไม่มีให้ดาวน์โหลด เป็นต้น

สำหรับ Google Play Store นั้นมีความเปิดกว้างของแอปพลิเคชันมากกว่า ทำให้นักพัฒนาแอปสามารถเผยแพร่แอปพลิเคชันได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ผู้ใช้งานมีตัวเลือกมากมาย แต่ว่าก็ยังมีความเสี่ยงเรื่องแอปที่ไม่ปลอดภัย หรือแอปที่คุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน

จึงสรุปได้ว่า App Store นั้นมีความปลอดภัยกว่า ควบคุมคุณภาพดี แต่ตัวเลือกอาจน้อยกว่า และสำหรับ Google Play Store อาจมีแอปหลากหลายกว่า และมีอิสระในการติดตั้งแอปจากแหล่งอื่น แต่อาจจะต้องระวังเรื่องความปลอดภัย

3.2 บริการคลาวด์และการจัดเก็บข้อมูล iCloud vs. Google One

สำหรับ iCloud เป็นบริการคลาวด์ของ Apple ที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ iPhone โดยเฉพาะ เพื่อใช้สำหรับ สำรองข้อมูล ซิงค์รูปภาพ ไฟล์ และข้อมูลแอปต่างๆ และจุดเด่นของ iCloud คือ การทำงานร่วมกับอุปกรณ์ Apple ได้อย่างราบรื่น และสะดวกสบาย เช่น iPhone, iPad และ Mac เป็นต้น

สำหรับ Google One เป็นบริการคลาวด์ของ Google ที่รองรับแอนดรอยด์, Windows และ iOS ที่ให้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ขึ้น และใช้งานร่วมกับ Google Drive, Google Photos และ Gmail ได้อย่างสะดวก

ทำให้ iCloud นั้นเหมาะกับผู้ใช้อุปกรณ์ของ Apple หลายเครื่อง และต้องการซิงค์ข้อมูลอัตโนมัติ และ Google One มีพื้นที่เก็บข้อมูลมากกว่า และรองรับอุปกรณ์หลายประเภท ทำให้เหมาะกับผู้ที่ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลเยอะ และใช้งานได้กับทุกแพลตฟอร์ม

แอนดรอยด์

4. ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว iOS เหนือกว่าแอนดรอยด์จริงหรือ?

สำหรับเรื่องของความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว ถือว่าเป็นประเด็นสำคัญที่หลายๆ คนใช้ในการตัดสินใจเลือกสมาร์ทโฟน iOS หรือแอนดรอยด์ เพราะว่าทั้ง 2 ระบบนั้นมีแนวทางในการปกป้องข้อมูลของผู้ใช้งานที่แตกต่างกัน

โดย Apple มีแนวทางในการปกป้องข้อมูบที่เข้มงวดกว่า เพราะว่า iOS ถูกออกแบบให้ปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลจากแอปภายนอก มีการเข้ารหัสข้อมูลอย่างแน่นหนา และมีนโยบาย App Store ที่เข้มงวด ทำให้มัลแวร์แทบจะไม่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ ในขณะที่แอนดรอยด์นั้นเป็นระบบที่เปิดกว้างกว่า ถึงแม้จะมี Google Play Protect ช่วยป้องกันแอปอันตราย แต่ก็ยังมีความเสี่ยงมากกว่า เพราะสามารถติดตั้งแอปจากแหล่งอื่นได้

ดังนั้น iOS จึงมีความปลอดภัย และคุ้มครองข้อมูลส่วนตัวได้ดีกว่า แต่ว่าในปัจจุบันนั้นแอนดรอยด์ก็ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่น การเพิ่มฟีเจอร์ความปลอดภัยใน Android 13 และ 14 และถ้าหากผู้ใช้ระมัดระวัง และติดตั้งแอปจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ก็ยังมีความปลอดภัยเช่นกัน

4.1 ระบบรักษาความปลอดภัย การป้องกันมัลแวร์และการโจมตี

สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยที่มีการป้องกันมัลแวร์ และการโจมตีของ iOS นั้นจะใช้ App Store เป็นช่องทางเดียวในการติดตั้งแอป ทำให้สามารถตรวจสอบมัลแวร์ได้ง่าย มีระบบ Sandboxing ป้องกันแอปจากการเข้าถึงข้อมูลของแอปอื่น รวมถึงใช้ Face ID และ Touch ID ในการรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ และสามารถอัปเดตซอฟต์แวร์ใหม่ๆ ได้เป็นระยะเวลานาน ทำให้ได้รับอัปเดตแพตช์ความปลอดภัยเสมอ

สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยที่มีการป้องกันมัลแวร์ และการโจมตีของ Android นั้นจะใช้ Google Play Protect สแกนแอปที่ติดตั้ง เพื่อหามัลแวร์ และมีการรองรับการติดตั้งแอปจากแหล่งภายนอก ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงหากผู้ใช้งานไม่ระมัดระวัง แต่ว่าก็มีระบบความปลอดภัยขั้นสูงในแอนดรอยด์เวอร์ชันใหม่ๆ เช่น การเข้ารหัสข้อมูล และการจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงของแอป เป็นต้น

4.2 การจัดการข้อมูลส่วนตัว ความโปร่งใสและการควบคุม

สำหรับการจัดการข้อมูลส่วนตัวในเรื่องความโปร่งใส และการควบคุมของ iOS นั้นจะมี App Tracking Transparency (ATT) ให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าแอปจะติดตามข้อมูลของตนหรือไม่ และมีการจำกัดสิทธิ์ของแอปอย่างเข้มงวด เช่น ไม่ให้แอปเข้าถึงกล้อง ไมโครโฟน หรือตำแหน่งที่ตั้งโดยไม่ขออนุญาต รวมถึงใช้การเข้ารหัสข้อมูลแบบ End-to-End ใน iMessage และ FaceTime

สำหรับการจัดการข้อมูลส่วนตัวในเรื่องความโปร่งใส และการควบคุมของแอนดรอยด์นั้นจะให้ผู้ใช้งานควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงของแอปได้ละเอียดมากขึ้นใน Android 12 และ 13 และมี Google Privacy Dashboard ที่ช่วยให้ผู้ใช้ตรวจสอบว่ามีแอปใดเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวบ้าง รวมถึงรองรับการตั้งค่าข้อมูลส่วนตัวแบบละเอียด เช่น การจำกัดการติดตามโฆษณา เป็นต้น

แอนดรอยด์

5. ราคาและความคุ้มค่าของสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ vs iPhone

สำหรับเรื่องราคา และความคุ้มค่า ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่หลายๆ คนใช้ในการตัดสินใจเลือกสมาร์ทโฟน โดย iPhone นั้นมักถูกมองว่าเป็นมือถือระดับพรีเมียมที่มีราคาสูง แต่มีอายุการใช้งานยาวนาน และขายต่อได้ราคาดี ในขณะที่แอนดรอยด์มีตัวเลือกที่หลากหลาย ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นราคาไม่กี่พันบาท ไปจนถึงรุ่นเรือธงที่เทียบเท่า หรือแพงกว่า iPhone

ซึ่ง iPhone มีข้อได้เปรียบในแง่ของการอัปเดตซอฟต์แวร์ระยะยาว การใช้งานที่เสถียร และมูลค่าขายต่อที่สูง ทำให้แม้จะจ่ายแพงในตอนแรก แต่ก็ใช้งานได้นานโดยไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย และแอนดรดอย์ก็มีจุดเด่นตรงที่ที่ความหลากหลายของราคา และสเปก ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกมือถือที่เหมาะกับงบประมาณของตัวเองได้

ดังนั้น ถ้าหากต้องการมือถือที่ใช้งานได้หลายปีโดยไม่ต้องเปลี่ยน และมีมูลค่าขายต่อดี การเลือกใช้ iPhone ก็ถือว่ามีความคุ้มค่ากว่า แต่ถ้าต้องการมือถือที่มีตัวเลือกหลายระดับ เลือกตามงบประมาณ และคุ้มค่ากับการใช้งานในปัจจุบัน การเลือกใช้แอนดรอยด์ก็ถือว่าตอบโจทย์ได้มากกว่า

5.1 ช่วงราคา ตัวเลือกที่หลากหลาย vs. รุ่นพรีเมียม

สำหรับ iPhone นั้นเป็นสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียม และมีราคาเริ่มต้นที่ 18,900 บาท และอาจมีราคาสูงถึง 60,000 บาทขึ้นไป โดยจุดเด่นของ iPhone คือ วัสดุระดับพรีเมียม ซอฟต์แวร์เสถียร การอัปเดตระยะยาว และมูลค่าขายต่อสูง ทำให้ถึงแม้จะมีราคาสูง แต่ก็คุ้มค่าในระยะยาว

สำหรับแอนดรอยด์นั้นเป็นสมาร์ทโฟนที่มีตัวเลือกหลากหลาย และมีให้เลือกทุกช่วงราคา โดยรุ่นเริ่มต้นนั้นมีราคาประมาณ 3,000 บาท และสำหรับรุ่นเรือธงระดับไฮเอนด์อาจมีราคาสูงถึง 60,000 บาทขึ้นไป ซึ่งจุดเด่นของแอนดรอยด์ คือ สามารถเลือกสเปกได้ตามงบประมาณ และมีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย

ดังนั้น iPhone จึงเหมาะกับคนที่ต้องการมือถือพรีเมียม ใช้งานยาวนาน และขายต่อได้ราคาดี และ Android เหมาะกับคนที่มีงบประมาณจำกัด เพราะมีทางเลือกมากกว่า ตั้งแต่ราคาประหยัดถึงเรือธง ตอบโจทย์ได้ทุกงบประมาณ

5.2 ความคุ้มค่าในระยะยาว การสนับสนุนและการใช้งาน

สำหรับ iPhone นั้นจะได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์นาน 5-6 ปี หรือมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น iPhone 11 ที่เปิดตัวในปี 2019 ยังคงได้รับ iOS 18 ในช่วงปลายปี 2024 อีกทั้งยังมีมูลค่าขายต่อสูง เช่น iPhone 13 Pro Max อายุ 2 ปี ยังสามารถขายต่อได้ประมาณ 25,000 - 30,000 บาท รวมถึงยังมีวัสดุที่มีความทนทานกว่า เช่น การใช้กระจก Ceramic Shield ทำให้มีประสิทธิภาพ และอายุการใช้งานที่นาน

สำหรับแอนดรอยด์อย่างรุ่นเรือธงจาก Samsung และ Google นั้นก็จะได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์นาน 4-5 ปี ส่วนรุ่นกลาง และรุ่นเริ่มต้นมักได้รับอัปเดตเพียง 2-3 ปี และมีมูลค่าขายต่อต่ำกว่า iPhone เช่น Samsung Galaxy S22 Ultra เปิดตัวปี 2022 ราคา 39,900 บาท ปัจจุบันขายต่อได้ประมาณ 15,000 - 18,000 บาท แต่ถึงแม้ว่าราคาจะลดเร็ว แต่ผู้ใช้งานก็ยังสามารถหามือถือรุ่นใหม่ที่มีสเปกดีกว่าในราคาที่ถูกลงได้

ดังนั้น iPhone จึงมีความคุ้มค่ากว่าในระยะยาว เพราะอัปเดตซอฟต์แวร์ได้นานกว่า ใช้งานได้ยาว และขายต่อได้ราคาสูง และแอนดรอยด์มีความคุ้มค่าระยะสั้น เพราะสามารถเลือกซื้อมือถือใหม่ในราคาประหยัด และอัปเกรดได้ง่ายกว่า

6. สรุป ระหว่างระบบแอนดรอยด์ กับ iOS แบบไหนเหมาะกับเรามากกว่ากัน

สำหรับแอนดรอยด์ และ iOS เป็นสองระบบปฏิบัติการที่มีแนวคิด และจุดเด่นแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยแอนดรอยด์มีความยืดหยุ่นสูง ทำให้สามารถปรับแต่งการใช้งานได้ตามใจชอบ และมีสมาร์ทโฟนให้เลือกหลากหลายช่วงราคา ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นไปจนถึงเรือธง และสำหรับ iOS นั้นจะโดดเด่นเรื่องความเสถียร การอัปเดตซอฟต์แวร์ระยะยาว และการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ Apple อื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดังนั้น การเลือกใช้แอนดรอยด์ หรือ iPhone นั้นขึ้นอยู่กับความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน ถ้าหากต้องการตัวเลือกที่หลากหลาย ราคาที่คุ้มค่า และปรับแต่งเครื่องได้มาก การเลือกใช้ Android ก็อาจเป็นคำตอบ แต่ถ้าหากต้องการความเรียบง่าย ซอฟต์แวร์ที่ลื่นไหล และการใช้งานที่ปลอดภัย การเลือกใช้ iOS ก็อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า

6.1 เลือกสมาร์ทโฟนระบบแอนดรอย์หากคุณ….

  • ต้องการตัวเลือกที่หลากหลาย เพราะว่าแอนดรอยด์มีสมาร์ทโฟนหลายรุ่นจากแบรนด์ชั้นนำ เช่น Samsung, Google, Xiaomi และ OnePlus ตั้งแต่รุ่นราคาประหยัดไปจนถึงรุ่นเรือธง

  • ชอบปรับแต่ง และควบคุมระบบเอง เพราะว่าแอนดรอยด์เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งอินเทอร์เฟซ ตั้งค่าวิดเจ็ต และดาวน์โหลดแอปจากแหล่งภายนอกได้มากกว่า iOS

  • ต้องการฟีเจอร์ใหม่ๆ และนวัตกรรมล้ำสมัย เพราะว่าสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์นั้นมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ เช่น หน้าจอพับได้ ชาร์จเร็ว 100W หรือกล้องความละเอียดสูงก่อนที่ iPhone จะนำมาใช้

  • เน้นความคุ้มค่าคุ้มราคา ด้วยตัวเลือกที่หลากหลายของแอนดรอยด์ ที่มีสมาร์ทโฟนให้เลือกตามงบประมาณ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถหาเครื่องที่เหมาะสมกับความต้องการโดยไม่ต้องจ่ายแพง

6.2 เลือกสมาร์ทโฟนระบบ iOS หากคุณ….

  • ต้องการระบบที่เสถียร ลื่นไหล และใช้งานง่าย เพราะว่า iOS ออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างเรียบง่าย ไม่ต้องปรับแต่งมาก ทำให้เหมาะกับทุกวัย

  • ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว เพราะว่า Apple มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด เช่น App Store ที่ควบคุมแอปอย่างเคร่งครัด และฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวที่ช่วยปกป้องข้อมูลของผู้ใช้งาน

  • ใช้ผลิตภัณฑ์ Apple อื่นๆ ร่วมกัน ถ้าหากมี MacBook, iPad หรือ Apple Watch อยู่แล้ว การเลือกใช้งาน iPhone จะช่วยให้ใช้งานอุปกรณ์ทั้งหมดร่วมกันได้อย่างสะดวก สบาย และมีประสิทธิภาพ

  • ต้องการการอัปเดตซอฟต์แวร์ระยะยาว เพราะว่า iPhone ได้รับการอัปเดต iOS ต่อเนื่องนานกว่า 5-6 ปี หรือมากกว่า ทำให้มั่นใจได้ว่าเครื่องจะได้รับการอัปเดต มีความเสถียร ปลอดภัย และใช้งานได้ดีแม้ผ่านไปหลายปี

7. ช่องทางการติดต่อผ่อนโทรศัพท์แอนดรอยด์ หรือ iOS กับสบายเป๋า ผ่อนง่าย สบายกระเป๋า

สำหรับใครที่กำลังสนใจ หรืออยากจะผ่อนโทรศัพท์แอนดรอยด์ หรือ iOS กับ “สบายเป๋า” ก็สามารถแวะเข้ามาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือเริ่มดำเนินการขั้นตอนการผ่อนกับสบายเป๋าได้แบบง่ายๆ ผ่านช่องทางต่างๆ ดังต่อไปนี้

โดยในแต่ละช่องทางการติดต่อนั้นจะมีทีมงานมืออาชีพคอยให้บริการแนะนำ และให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง ถ้าหากผู้ที่สนใจอยากจะผ่อนโทรศัพท์แอนดรอยด์ หรือ iOS แบบไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ใช้บัตรประชาชนแค่ใบเดียว ก็สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมถึงขั้นตอนการผ่อน เอกสารที่ต้องใช้ เงื่อนไข หรือข้อสงสัยต่างๆ กับทางทีมงานได้เลย เพื่อให้ผู้ผ่อนสามารถผ่อนโทรศัพท์แอนดรอยด์ หรือ iOS หรือสินค้าไอทีอื่นๆ กับ “สบายเป๋า” ได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว ทันใจ และสบายใจมากที่สุด

8. อ่านบทความเกี่ยวกับโทรศัพท์แอนดรอยด์เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

 

Prev Post
Next Post

Thanks for subscribing!

This email has been registered!

Shop the look

Choose Options

Recently Viewed

Edit Option
Have Questions?
Back In Stock Notification
Terms & Conditions
What is Lorem Ipsum? Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard dummy text ever since the 1500s, when an unknown printer took a galley of type and scrambled it to make a type specimen book. It has survived not only five centuries, but also the leap into electronic typesetting, remaining essentially unchanged. It was popularised in the 1960s with the release of Letraset sheets containing Lorem Ipsum passages, and more recently with desktop publishing software like Aldus PageMaker including versions of Lorem Ipsum. Why do we use it? It is a long established fact that a reader will be distracted by the readable content of a page when looking at its layout. The point of using Lorem Ipsum is that it has a more-or-less normal distribution of letters, as opposed to using 'Content here, content here', making it look like readable English. Many desktop publishing packages and web page editors now use Lorem Ipsum as their default model text, and a search for 'lorem ipsum' will uncover many web sites still in their infancy. Various versions have evolved over the years, sometimes by accident, sometimes on purpose (injected humour and the like).
this is just a warning
Login
Shopping Cart
0 items