เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

• ประสิทธิภาพทรงพลังด้วยชิป M1 รองรับการทำงานและการเรียนทุกรูปแบบ

• หน้าจอ Liquid Retina ขนาด 10.9 นิ้ว ภาพคมชัด สีสันสดใส เหมาะสำหรับการอ่านและสร้างสรรค์งาน

• รองรับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 จดโน้ต วาดภาพ และไฮไลต์เอกสารได้อย่างแม่นยำ

• การเชื่อมต่อ 5G และ Wi-Fi 6E อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสำหรับการเรียนออนไลน์และการทำงานระยะไกล

• กล้องหน้า Ultra Wide ความละเอียด 12MP พร้อมฟีเจอร์ Center Stage วิดีโอคอลและประชุมออนไลน์อย่างมืออาชีพ

• รองรับ Magic Keyboard และ Smart Keyboard Folio เปลี่ยน iPad Air 5 ให้เป็นแล็ปท็อปสำหรับการพิมพ์งาน

• น้ำหนักเบาและดีไซน์บางเฉียบ พกพาสะดวก เหมาะกับไลฟ์สไตล์นักเรียนและคนทำงาน

• แบตเตอรี่ใช้งานยาวนานตลอดวัน เรียนและทำงานได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จ

• ตัวเลือกสีสันและความจุหลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการและสไตล์ของแต่ละคน

• ระบบปฏิบัติการ iPadOS และแอปพลิเคชันเพื่อการศึกษา เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนและการทำงาน

iPad Air 5 ใช้เรียน และทำงาน 10 ฟีเจอร์ที่คุ้มราคา ใช้งานกันยาวๆ

สำหรับยุคปัจจุบันนั้นแท็บเล็ตได้กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับการเรียน และการทำงาน และ iPad Air 5 ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมที่สามารถตอบโจทย์ได้ดี เพราะสามารถใช้แทนคอมพิวเตอร์พกพาได้ ไม่ว่าจะเป็นการจดโน้ต วาดภาพ อ่านเอกสาร ประชุมออนไลน์ หรือแม้แต่ตัดต่อวิดีโอ

โดย iPad Air 5 มาพร้อมกับชิป M1 ที่ให้ประสิทธิภาพแรงเทียบเท่ากับคอมพิวเตอร์ หน้าจอ Liquid Retina ขนาด 10.9 นิ้ว ให้ภาพคมชัด เหมาะกับทั้งการอ่าน และงานออกแบบ นอกจากนี้ยังรองรับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 ช่วยให้การจดบันทึก และการวาดภาพแม่นยำขึ้น พร้อมกับการเชื่อมต่อ 5G และ Wi-Fi 6E ที่ช่วยให้การเรียนออนไลน์ และทำงานเป็นไปได้อย่างลื่นไหล อีกทั้งยังมีกล้องหน้า Ultra Wide 12MP พร้อมฟีเจอร์ Center Stage ทำให้ถ่ายภาพ ถ้ายวิดีโอ หรือเข้าประชุมออนไลน์เป็นไปได้อย่างไม่มีสะดุด และไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา หรือวัยทำงาน “iPad Air 5” ก็สามารถรองรับทุกความต้องการได้อย่างดี 

ดังนั้น ในบทความนี้ทาง Sabaipao ก็จะพาทุกคนมาดูถึง 10 ฟีเจอร์การใช้งานของ iPad Air 5 ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานของนักเรียน นักศึกษา หรือวัยทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ และมีความคุ้มค่า คุ้มราคา ที่สามารถใช้งานกันได้แบบยาวๆ โดยจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง สามารถติดตามกันได้เลย!

1. ประสิทธิภาพทรงพลังด้วยชิป M1 รองรับการทำงานและการเรียนทุกรูปแบบ

สำหรับชิป Apple M1 เป็นชิปที่ Apple ออกแบบเองโดยใช้สถาปัตยกรรม ARM ที่ทรงพลัง และประหยัดพลังงานสูงสุด โดยเปิดตัวครั้งแรกในปี 2022 และถูกนำมาใช้ใน iPad Air 5 เพื่อยกระดับประสิทธิภาพให้เทียบเท่ากับ MacBook ในขนาดที่กะทัดรัดกว่า โดยชิป M1 สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยี 5 นาโนเมตร และประกอบไปด้วยทรานซิสเตอร์กว่า 16 พันล้านตัว ซึ่งช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น และมีประสิทธิภาพสูงกว่าชิป A-series ที่เคยใช้ใน iPad รุ่นก่อนหน้า และจุดเด่นของชิป M1 ใน iPad Air 5 นั้นอยู่ตรงที่ CPU แบบ 8-core ที่แรงกว่าชิป A14 Bionic ใน iPad Air 4 ถึง 60% และ GPU แบบ 8-core ที่เรนเดอร์กราฟิกเร็วขึ้นถึง 2 เท่า รวมถึง Neural Engine แบบ 16-core ที่ประมวลผล AI และ Machine Learning ได้เร็วขึ้น Unified Memory (RAM 8GB) ที่ทำงานหลายแอปพลิเคชันพร้อมกันได้อย่างลื่นไหล และประหยัดพลังงานมากขึ้น เพราะว่าใช้พลังงานต่ำ แต่ยังให้ประสิทธิภาพสูง

ทำให้การใช้งาน iPad Air 5 ที่ใช้ชิป M1 นั้นสามารถทำงานได้เร็วขึ้น และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพราะสามารถเปิดแอปได้เร็วขึ้น ตอบสนองไว และทำงานได้อย่างราบรื่นแม้ใช้งานหลายแอปพร้อมกัน เหมาะสำหรับการใช้งานด้านเอกสาร, การทำสไลด์พรีเซนเทชัน, งานออกแบบ และการตัดต่อวิดีโอ และรองรับงานกราฟิก และมัลติมีเดียได้ดีขึ้น ด้วย GPU แบบ 8-core ทำให้การเรนเดอร์วิดีโอ 4K, งานกราฟิก 3D และการวาดภาพในแอปอย่าง Procreate ลื่นไหลขึ้น และรองรับแอปที่ใช้ประสิทธิภาพสูง เช่น Adobe Photoshop, Affinity Designer และ LumaFusion ได้ดีขึ้น อีกทั้งยังตอบโจทย์การเรียนออนไลน์ และทำงานระยะไกล เพราะประมวลผลการประชุมออนไลน์ผ่าน Zoom, Microsoft Teams หรือ Google Meet ได้แบบไม่มีสะดุด รวมถึงช่วยให้การเล่นเกมลื่นไหล และมีกราฟิกสวยขึ้น เพราะสามารถรองรับเกมกราฟิกสูง และใช้ชิป M1 ร่วมกับ Metal API ทำให้เฟรมเรตของเกมเสถียรขึ้น

ส่งผลให้นักเรียน และนักศึกษา ใช้ทำการบ้าน ทำรายงาน และจดโน้ตในแอปอย่าง GoodNotes หรือ Notability ได้อย่างลื่นไหล และนักออกแบบ และศิลปิน สามารถวาดภาพ แต่งภาพ และออกแบบกราฟิกได้ด้วยประสิทธิภาพของ GPU 8-core รวมถึงสายตัดต่อวิดีโอ และสร้างคอนเทนต์ สามารถใช้แอปตัดต่อได้แบบไม่มีสะดุด หรือคนทำงานออฟฟิศ ที่ทำงานด้านเอกสาร สร้างสไลด์พรีเซนเทชัน และประชุมออนไลน์ได้อย่างราบรื่น และนักพัฒนาและโปรแกรมเมอร์ ที่ใช้ iPad Air 5 เป็นเครื่องมือเสริมในการเขียนโค้ด และพัฒนาแอป ดังนั้น พลังของชิป M1 ใน iPad Air 5 ไม่ได้เป็นเพียงแท็บเล็ตทั่วไป แต่กลายเป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้ทำงาน และเรียนได้ในระดับเดียวกับแล็ปท็อป ทำให้คุ้มค่าทั้งสำหรับนักเรียน นักศึกษา และคนทำงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในขนาดที่พกพาสะดวก

2. หน้าจอ Liquid Retina ขนาด 10.9 นิ้ว ภาพคมชัด สีสันสดใส เหมาะสำหรับการอ่านและสร้างสรรค์งาน

หน้าจอ Liquid Retina ใน iPad Air 5 เป็นเทคโนโลยีหน้าจอที่ Apple พัฒนาขึ้น เพื่อให้แสดงผลคมชัด สีสันมีความแม่นยำ และมีความสม่ำเสมอในการแสดงผล มาพร้อมกับขนาด 10.9 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดที่พอดีสำหรับการพกพา แต่ยังให้พื้นที่การทำงานที่กว้างพอสำหรับการอ่านเอกสาร การเรียน หรือประชุมออนไลน์ และทำงานด้านกราฟิก โดยจุดเด่นของหน้าจอ Liquid Retina นั้นอยู่ตรงที่มีความละเอียดสูงมากถึง 2360 x 1640 พิกเซล แสดงผลภาพ และตัวหนังสือได้คมชัด รองรับ True Tone ปรับโทนสีของหน้าจอให้เหมาะสมกับสภาพแสงรอบตัว รองรับ P3 Wide Color Gamut แสดงสีได้กว้างขึ้น เหมาะสำหรับงานออกแบบ และเคลือบกันแสงสะท้อน ช่วยให้ใช้งานกลางแจ้งได้สะดวกขึ้น

จึงทำให้การใช้งานหน้าจอ Liquid Retina ช่วยให้การอ่านเอกสาร PDF การทำพรีเซนเทชัน หรือการดูวิดีโอ เพื่อการศึกษาเป็นไปอย่างสบายตา นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับการทำงานทั่วไป หรือการทำงานกราฟิกที่ต้องการความแม่นยำของสี ส่งผลให้ภาพที่ได้ดูสมจริงกว่าหน้าจอ LCD ทั่วไป ดังนั้น ไม่ว่าผู้ใช้งานจะทำงานแบบไหน ก็สามารถตอบโจทย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

3. รองรับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 จดโน้ต วาดภาพ และไฮไลต์เอกสารได้อย่างแม่นยำ

Apple Pencil รุ่นที่ 2 เป็นสไตลัสที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานร่วมกับ iPad โดยเฉพาะ เพื่อให้ประสบการณ์การเขียน และวาดภาพที่ใกล้เคียงกับการใช้ดินสอจริงมากที่สุด มีความไวต่อแรงกด และการเอียง ทำให้สามารถวาดเส้นหนา หรือบางได้ตามน้ำหนักที่กดลงบนหน้าจอ และ Apple Pencil รุ่นที่ 2 มีการพัฒนาให้ดีกว่ารุ่นแรก ด้วยการออกแบบที่จับถนัดมือมากขึ้น ชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายโดยติดกับด้านข้างของ iPad และสามารถแตะสองครั้ง เพื่อสลับเครื่องมือได้ ช่วยให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น

โดยจุดเด่นของ Apple Pencil รุ่นที่ 2 นั้นอยู่ตรงที่การตอบสนองที่รวดเร็ว และแม่นยำ ทำให้สามารถขีดเขียนได้อย่างสมจริง และไม่มีอาการหน่วง ช่วยให้เขียน หรือวาดได้ลื่นไหล ดีไซน์ไร้ปุ่ม และการชาร์จแบบไร้สาย ไม่มีพอร์ตชาร์จ หรือปุ่มใดๆ ทำให้ดีไซน์เรียบหรู และจับถือได้สะดวก และติดแม่เหล็กด้านข้าง iPad และชาร์จแบตอัตโนมัติ ไม่ต้องเสียบสายชาร์จ อีกทั้งยังสามารถควบคุมด้วยการแตะสองครั้งที่ตัวปากกา เพื่อเปลี่ยนเครื่องมือ เช่น จากดินสอเป็นยางลบ ทำให้สะดวกต่อการใช้งาน และรองรับแอปพลิเคชันสำหรับการจด และวาดภาพ ที่สามารถใช้งานได้กับแอปพลิเคชันอย่าง GoodNotes, Notability, Procreate, Adobe Fresco และอื่นๆ

ทำให้การที่ iPad Air 5 รองรับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 นั้นส่งผลให้ผู้ใช้งานสามารถจดบันทึก วาดภาพ และแก้ไขเอกสารได้สะดวกขึ้น เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา และผู้ที่ต้องการใช้ iPad เพื่อการทำงาน ไม่ว่าจะจดโน้ตได้เหมือนใช้สมุดจริง หรือวาดภาพระดับมืออาชีพ ก็สร้างสรรค์ผลงานได้อย่างแม่นยำ ใช้งานสะดวก พกพาง่าย ไม่ต้องเสียบสายชาร์จ เพียงติดไว้ข้าง iPad ก็พร้อมใช้งานทุกเวลา ทำให้ iPad Air 5 กลายเป็นอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านประสิทธิภาพ และความสะดวกในการใช้งาน

4. การเชื่อมต่อ 5G และ Wi-Fi 6E อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสำหรับการเรียนออนไลน์และการทำงานระยะไกล

สำหรับ 5G เป็นเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมือถือเจเนอเรชันที่ 5 ซึ่งพัฒนาต่อยอดจาก 4G LTE โดยมีความเร็วสูงขึ้น ลดความหน่วง และรองรับอุปกรณ์เชื่อมต่อจำนวนมากขึ้น ทำให้การใช้อินเทอร์เน็ตเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีความเสถียรกว่ารุ่นก่อนหน้า และสำหรับ Wi-Fi 6E เป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายที่พัฒนาจาก Wi-Fi 6 โดยเพิ่มการรองรับคลื่นความถี่ 6 GHz ซึ่งช่วยให้มีแบนด์วิดท์มากขึ้น ลดสัญญาณรบกวน และเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อ ช่วยให้การใช้อินเทอร์เน็ตไร้สายมีความลื่นไหล แม้ในพื้นที่ที่มีอุปกรณ์เชื่อมต่อพร้อมกันจำนวนมาก

โดยจุดเด่นของ 5G นั้นอยู่ตรงที่มี ความเร็วสูง ทำให้ความเร็วในการดาวน์โหลด และอัปโหลดเร็วกว่าระบบ 4G หลายเท่า รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ต้องการแบนด์วิดท์สูง เช่น การสตรีมวิดีโอ 4K หรือการประชุมออนไลน์ อีกทั้งยังมีความหน่วงต่ำ ช่วยลดความล่าช้าในการเชื่อมต่อ ทำให้การเล่นเกมออนไลน์ และวิดีโอคอลมีความราบรื่น และรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์จำนวนมาก เพราะ 5G สามารถรองรับอุปกรณ์ได้มากขึ้น โดยไม่ทำให้เครือข่ายแออัด

และสำหรับจุดเด่นของ Wi-Fi 6E นั้นอยู่ตรงที่สามารถรองรับคลื่น 6 GHz ได้ ช่วยลดปัญหาสัญญาณรบกวนจากอุปกรณ์อื่น ทำให้การเชื่อมต่อมีเสถียรภาพมากขึ้น อีกทั้งยังมีความเร็วสูงกว่า Wi-Fi 6 ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรับส่งข้อมูล เหมาะสำหรับการทำงานออนไลน์ และเล่นเกม และยังช่วยประหยัดพลังงาน เพราะว่า Wi-Fi 6E ใช้พลังงานน้อยลงเมื่อเทียบกับมาตรฐานก่อนหน้า

ดังนั้น การที่ iPad Air 5 รองรับทั้ง 5G และ Wi-Fi 6E ก็จะช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์อินเทอร์เน็ตที่รวดเร็ว และเสถียรยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะใช้งานในสถานที่ที่มี Wi-Fi หรือใช้อินเทอร์เน็ตมือถือ และไม่ว่าจะใช้เพื่อการเรียน การทำงาน หรือความบันเทิง การมีเครือข่ายที่รวดเร็ว และเสถียร ก็จะช่วยลดปัญหาการเชื่อมต่อที่ล่าช้า ทำให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานได้ต่อเนื่องโดยไม่มีสะดุด

5. กล้องหน้า Ultra Wide ความละเอียด 12MP พร้อมฟีเจอร์ Center Stage วิดีโอคอลและประชุมออนไลน์อย่างมืออาชีพ

สำหรับกล้องหน้า Ultra Wide บน iPad Air 5 นั้นมีความละเอียดสูงถึง 12MP และมาพร้อมเลนส์มุมกว้างพิเศษ (Ultra Wide) ที่สามารถจับภาพได้กว้างขึ้นกว่ากล้องหน้าปกติ ทำให้ผู้ใช้สามารถปรากฏในเฟรมได้อย่างชัดเจนแม้อยู่ห่างจากอุปกรณ์ และกล้องหน้ายังรองรับ Center Stage ซึ่งเป็นฟีเจอร์อัจฉริยะที่ช่วยปรับมุมกล้องอัตโนมัติให้ใบหน้าของผู้ใช้อยู่ตรงกลางจอเสมอ แม้จะเคลื่อนไหวไปมา

ทำให้จุดเด่นของกล้อง Ultra Wide 12MP และ Center Stage ใน iPad Air 5 นั้นอยู่ตรงที่มีความละเอียดสูง ภาพคมชัดแม้ใช้งานในที่แสงน้อย และมีเลนส์มุมกว้างพิเศษ สามารถรองรับการถ่ายภาพมุมกว้าง ทำให้เก็บภาพได้มากขึ้น อีกทั้งยังสามารถปรับมุมกล้องอัตโนมัติ โดยกล้องจะซูมเข้า และออกให้ใบหน้าของผู้ใช้อยู่กลางจอเสมอ และสามารถติดตามการเคลื่อนไหวได้ หากผู้ใช้ขยับไปด้านซ้าย หรือขวา กล้องก็จะปรับเฟรมตาม 

ดังนั้น การที่ iPad Air 5 มีกล้องหน้า Ultra Wide 12MP พร้อมฟีเจอร์ Center Stage ทำให้การติดต่อสื่อสารผ่านวิดีโอมีคุณภาพดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะใช้สำหรับการเรียน การทำงาน หรือการสร้างคอนเทนต์ ก็สามารถใช้งานได้อย่างเป็นธรรมชาติ ลดความจำเป็นในการปรับตำแหน่งกล้องบ่อยๆ ช่วยให้การใช้งานสะดวก และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

6. รองรับ Magic Keyboard และ Smart Keyboard Folio เปลี่ยน iPad Air 5 ให้เป็นแล็ปท็อปสำหรับการพิมพ์งาน

สำหรับ Magic Keyboard และ Smart Keyboard Folio เป็นอุปกรณ์เสริมที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสามารถในการพิมพ์ และการใช้งานของ iPad Air 5 ให้เหมือนกับแล็ปท็อป โดยคีย์บอร์ดทั้ง 2 แบบนั้นจะมีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้

• Magic Keyboard เป็นคีย์บอร์ดพรีเมียมที่มาพร้อมแทร็กแพด (Trackpad) ให้ประสบการณ์การใช้งานใกล้เคียง MacBook และสามารถรองรับการควบคุมด้วย Multi-Touch Gestures และปุ่มกดแบบ Scissor Mechanism ที่ตอบสนองรวดเร็ว และแม่นยำ

• Smart Keyboard Folio เป็นเคสคีย์บอร์ดแบบบาง และจะไม่มีแทร็กแพด แต่ว่าสามารถช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถพิมพ์งานสะดวก และสามารถพับเป็นขาตั้งได้

โดยจุดเด่นของ Magic Keyboard และ Smart Keyboard Folio นั้นสามารถเปลี่ยน iPad Air 5 ให้เป็นแล็ปท็อปได้แบบง่ายๆ รองรับการพิมพ์งานเหมือนคอมพิวเตอร์ ใช้งานสะดวก ควบคุม iPad ได้เหมือน MacBook เหมาะกับการพกพา ไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่ และติดตั้งง่ายด้วย Smart Connector ไม่ต้องใช้ Bluetooth หรือแบตเตอรี่ ทำให้สามารถตอบโจทย์นักเรียน นักศึกษา และคนทำงานที่ต้องใช้ iPad พิมพ์เอกสาร อีกทั้งยังใช้ iPadOS ควบคู่กับแทร็กแพดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และพกพาง่ายกว่าแล็ปท็อปทั่วไป ลดน้ำหนัก และพื้นที่จัดเก็บ ดังนั้น การที่ iPad Air 5 มีการรองรับ Magic Keyboard และ Smart Keyboard Folio ทำให้ iPad Air 5 เป็นอุปกรณ์ที่มีความยืดหยุ่น และทรงพลัง สามารถใช้เป็นแท็บเล็ตสำหรับจดโน้ต วาดภาพ หรือเป็นแล็ปท็อปสำหรับทำงาน และเรียนออนไลน์ ก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกรูปแบบ

7. น้ำหนักเบา และดีไซน์บางเฉียบ พกพาสะดวก เหมาะกับไลฟ์สไตล์นักเรียน และคนทำงาน

สำหรับ iPad Air 5 นั้นได้มีการออกแบบให้มีความบาง และเบาเป็นพิเศษ ช่วยให้พกพาสะดวกโดยไม่เป็นภาระ และไม่หนักกระเป๋า โดย iPad Air 5 นั้นมีน้ำหนักเพียง 461 กรัม (Wi-Fi) และ 462 กรัม (Wi-Fi + Cellular) อีกทั้งยังมีความบางเพียง 6.1 มม. ทำให้จับถนัดมือ และพกพาง่าย ใส่กระเป๋าได้ง่าย พกไปเรียนและทำงานได้ทุกที่ ตัวเครื่องทำจากอะลูมิเนียม ใช้วัสดุคุณภาพสูง ทนทานต่อการใช้งาน มีความแข็งแรง และหรูหรา และใช้งานได้ทั้งแนวตั้ง และแนวนอน เหมาะกับนักเรียน และนักศึกษา สามารถพก iPad แทนหนังสือเรียน อีกทั้งยังสะดวกสำหรับคนทำงาน เอาไว้ใช้งานระหว่างเดินทาง หรือทำงานนอกสถานที่ และเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ รองรับการทำงานแบบ Hybrid Work และ Work from Anywhere

8. แบตเตอรี่ใช้งานยาวนานตลอดวัน เรียน และทำงานได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จ

สำหรับ iPad Air 5 มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมพอลิเมอร์แบบชาร์จซ้ำได้ภายในตัวเครื่อง 28.6 วัตต์-ชั่วโมงที่ออกแบบมาให้รองรับการใช้งานได้ต่อเนื่องตลอดวัน โดย Apple เคลมว่าแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้สูงสุด 10 ชั่วโมง สำหรับการท่องเว็บผ่าน Wi-Fi หรือดูวิดีโอ และสูงสุด 9 ชั่วโมง สำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่าย Cellular และนอกจากนี้ iPad Air 5 ยังรองรับการชาร์จผ่านพอร์ต USB-C ซึ่งช่วยให้การชาร์จทำได้รวดเร็ว และสะดวกขึ้น สามารถใช้ที่ชาร์จที่มีกำลังไฟสูงกว่า เพื่อเพิ่มความเร็วในการชาร์จได้

โดยจุดเด่นของแบตเตอรี่ใน iPad Air 5 นั้นอยู่ตรงที่สามารถใช้งานได้ตลอดวัน ไม่ต้องชาร์จบ่อยเหมาะกับการเรียน และทำงาน รองรับ Fast Charging ผ่านพอร์ต USB-C ทำให้ชาร์จไฟได้รวดเร็วกว่าเดิม และมีพลังงานเสถียร ลดปัญหาแบตหมดระหว่างวัน แม้ใช้แอปพลิเคชันหนักๆ เช่น ตัดต่อวิดีโอ หรือประชุมออนไลน์ก็ตาม ทำให้เหมาะสำหรับนักเรียน และนักศึกษา ที่ต้องใช้ iPad ในการจดโน้ต เรียนออนไลน์ และทำงานเอกสารโดยไม่ต้องพกสายชาร์จไปด้วย ตอบโจทย์คนทำงาน ที่ต้องการอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานได้นานต่อเนื่อง ไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดระหว่างประชุม หรือเดินทาง และเหมาะสำหรับครีเอเตอร์ และนักออกแบบ ที่ใช้แอปพลิเคชันสร้างสรรค์งานศิลปะ วาดภาพ หรือตัดต่อวิดีโอ ซึ่งต้องใช้พลังงานมาก ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จ ใช้งานได้ตลอดวันโดยไม่ต้องคอยหาที่ชาร์จ สะดวกสำหรับการเดินทาง พกไปใช้งานนอกสถานที่โดยไม่ต้องกลัวแบตหมด และรองรับการเรียน และการทำงานแบบต่อเนื่อง ไม่ว่าจะใช้งานด้านไหนๆ ก็สามารถใช้ได้แบบสบายใจไร้กังวลเรื่องแบตเตอรี่

9. ตัวเลือกสีสัน และความจุหลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการ และสไตล์ของแต่ละคน

สำหรับ iPad Air 5 นั้น Apple ได้ออกแบบให้มีตัวเลือกสีที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อให้ตรงกับสไตล์ และรสนิยมของแต่ละคน โดยมีให้เลือกถึง 5 สี ได้แก่

• Blue (ฟ้า) ที่ให้ความรู้สึกสดใส และโดดเด่น

• Pink (ชมพู) ที่ให้ความรู้สึกสวยหวาน ดูน่ารัก และทันสมัย

• Purple (ม่วง) เป็นสีใหม่ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

• Starlight (ขาวทอง) เป็นสีที่ให้ความรู้สึกที่ดูคลาสสิก และพรีเมียม

• Space Gray (เทาเข้ม) เป็นสีที่ให้ความรู้สึกที่ดูเรียบหรู เหมาะกับคนที่ชอบความมินิมอล

นอกจากสีสันแล้ว ความจุ และราคาของ iPad Air 5 ณ วันที่เปิดตัว ก็มีให้เลือก 2 รุ่น และความจุ 2 รูปแบบ ได้แก่

• รุ่น WiFi ความจุ 64GB ราคา 20,900 บาท  และความจุ 256GB ราคา 25,900 บาท

• รุ่น Wi-Fi + Cellular ความจุ 64GB ราคา 25,900 บาท  และความจุ 256GB ราคา 30,900 บาท

ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกสีที่เหมาะกับสไตล์ของตัวเองได้ และสามารถเลือกความจุที่เหมาะสมกับการใช้งานได้ ที่เหมาะกับทั้งนักเรียน นักศึกษา และมืออาชีพ สามารถตอบโจทย์ทุกกลุ่มผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะใช้เพื่อความบันเทิง หรือทำงานด้านสร้างสรรค์ ก็ตอบโจทย์ได้ทุกไลฟ์สไตล์

10. ระบบปฏิบัติการ iPadOS และแอปพลิเคชันเพื่อการศึกษา เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนและการทำงาน

สำหรับ iPadOS เป็นระบบปฏิบัติการที่ Apple ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับ iPad ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แตกต่างจาก iOS ที่ใช้บน iPhone โดย iPadOS มีฟีเจอร์ที่ช่วยให้ iPad ทำงานได้คล้ายกับแล็ปท็อปมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำงานแบบ Multitasking ที่ทรงพลัง ที่สามารถเปิด 2 แอปพลิเคชันพร้อมกันด้วย Split View และ Slide Over หรือ Stage Manager การจัดการหน้าต่างแอปพลิเคชันให้เป็นระเบียบเหมือน macOS อีกทั้งยังรองรับ Apple Pencil ที่ใช้งาน Scribble และจดโน้ตได้อย่างเป็นธรรมชาติ หรือ Drag & Drop ไฟล์ระหว่างแอปได้ง่าย ช่วยให้ทำงานเอกสาร หรือแก้ไขรูปภาพได้เร็วขึ้น และรองรับ Universal Control ที่ใช้งานร่วมกับ Mac หรือ iPhone ได้อย่างไร้รอยต่อ

นอกจากนั้นยังสามารถใช้งานกับแอปพลิเคชันเพื่อการศึกษา หรือการทำงานได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น GoodNotes หรือ Notability ที่ใช้สำหรับจดโน้ตแบบดิจิทัล หรือ Microsoft Office และ Google Workspace ที่ใช้ทำเอกสาร และนำเสนองาน รวมถึง Procreate และ Adobe Fresco สำหรับสายครีเอเตอร์ และ Zoom Google Meet หรือ Microsoft Teams ที่ใช้ประชุม และเรียนออนไลน์

ด้วยระบบปฏิบัติการ iPadOS และแอปพลิเคชันที่รองรับ จึงทำให้ iPad Air 5 ไม่ได้เป็นแค่แท็บเล็ตธรรมดา แต่เป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย ตอบโจทย์ทั้งการเรียน การทำงาน และความบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานที่ใช้ได้เหมือนคอมพิวเตอร์ เหมาะสำหรับการเรียนออนไลน์ และการทำงานแบบ Work from Home หรือ Work from Anywhere และรองรับการใช้งานกับอุปกรณ์เสริมได้ เช่น Magic Keyboard และ Apple Pencil ทำให้นักเรียน และนักศึกษาสามารถใช้ iPad แทนสมุด และหนังสือเรียนได้ หรือคนทำงานสามารถใช้ iPad เป็นเครื่องมือทำงานหลักได้ รวมถึงสายครีเอเตอร์สามารถใช้ iPad ในการสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

11. ช่องทางการติดต่อผ่อน iPad Air 5 กับสบายเป๋า ผ่อนง่าย สบายกระเป๋า

สำหรับใครที่กำลังสนใจ หรืออยากจะผ่อน iPad Air 5 และ iPad Air รุ่นใหม่ๆ กับ “สบายเป๋า” ก็สามารถแวะเข้ามาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือเริ่มดำเนินการขั้นตอนการผ่อนกับสบายเป๋าได้แบบง่ายๆ ผ่านช่องทางต่างๆ ดังต่อไปนี้

• Line Official : @sabaipao

• Facebook : สบายเป๋า ผ่อนไอโฟน ผ่อนมือถือแอนดรอยด์ ผ่อนง่าย สบายกระเป๋า

• TikTok : สบายเป๋า - ผ่อนง่าย สบายกระเป๋า (@sabaipao.th)

• Instagram : Sabaipao.official

• Website : www.sabaipao.com

โดยในแต่ละช่องทางการติดต่อนั้นจะมีทีมงานมืออาชีพคอยให้บริการแนะนำ และให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง ถ้าหากผู้ที่สนใจอยากจะผ่อน iPad Air 5 แบบไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ใช้บัตรประชาชนแค่ใบเดียว ก็สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมถึงขั้นตอนการผ่อน เอกสารที่ต้องใช้ เงื่อนไข หรือข้อสงสัยต่างๆ กับทางทีมงานได้เลย เพื่อให้ผู้ผ่อนสามารถผ่อน iPad Air 5 หรือสินค้าไอทีอื่นๆ กับ “สบายเป๋า” ได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว ทันใจ และสบายใจมากที่สุด

12. อ่านบทความเกี่ยวกับ iPad เพิ่มเติม คลิก ที่นี่